ปฎิทินG12

วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2555

โรคมือเท้าปากป้องกันได้

โรคมือเท้าปาก ป้องกันได้ !!!

"ระบาดหนัก"

สาธารณสุขสั่งปิดโรงเรียนแล้ว

กว่า 100 แห่งทั่วประเทศ

ระบุยังไม่มียารักษา !!!

ควรป้องกันไว้ดีกว่าด้วยการรักษาความสะอาดอยู่เสมอ

และดื่มน้ำสะอาดเป็นประจำ

โดยในช่วงนี้ควรหมั่นตรวจเด็กว่ามีตุ่มใสๆ

บริเวณมือ เท้า ปาก หรือไม่

ถ้าพบให้นำเด็กไปพบแพทย์ทันที

 

โรคมือเท้าปาก (Hand Foot Mouth  Disease)

เป็นโรคติดเชื้อเกิดจากเชื้อไวรัสอยู่ในลำไส้ หรือเรียกว่าเอนเทอโรไวรัส(Enterovirus) มักเกิดขึ้นกับเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี พบได้ตลอดปี แต่พบมากในช่วงฤดูฝน  และช่วงเปิดเรียน  เนื่องจากเด็กอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก  ขณะนี้ได้สั่งการสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ให้เฝ้าระวังโรค และเร่งประชาสัมพันธ์ประชาชนในพื้นที่ทราบ โดยเฉพาะโรงเรียนอนุบาล โรงเรียนระดับประถมศึกษา เนิร์สเซอรี่ และศูนย์เด็กเล็กทั่วประเทศขอความร่วมมือครู พี่เลี้ยงเด็ก ให้สังเกตอาการผิดปกติของเด็กทุกวัน และให้เน้นมาตรการความสะอาดของนักเรียน ความสะอาดของสถานที่ ของเล่น และของใช้ต่างๆ หากมีเด็กป่วยขอให้แยกเด็กออกจากเด็กปกติ และส่งพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้เคียง และให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดส่งหน่วยสอบสวนโรคเคลื่อนเร็วเข้าไปสอบสวน โรคและควบคุมป้องกันโรคทันที หากมีความจำเป็น อาจใช้มาตรการปิดชั้นเรียน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันควบคุมโรค

ทางด้านนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์โรคมือเท้าปากในปี 2554 พบว่าแนวโน้มจะพบผู้ป่วยมากขึ้น ในช่วงต้นปี ตั้งแต่เดือนมกราคม - 20  มิถุนายน 2554 พบผู้ป่วยทั่วประเทศ 2,204 ราย โดยจำนวนผู้ป่วยในช่วงเดือนเมษายน - มิถุนายน เพิ่มขึ้นจากช่วง 3 เดือนแรกประมาณ 2 เท่าตัว ไม่มีผู้ป่วยเสียชีวิต ภาคเหนือพบป่วยมากที่สุด รองลงมาคือภาคกลาง 

โรคนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน และไม่มียารักษาโดยตรง แพทย์จะรักษาตามอาการ เด็กที่ป่วยเป็นโรคนี้ จะเริ่มมีอาการจากมีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย ต่อมา 1-2 วันจะมีอาการเจ็บในปาก  กลืนน้ำลายไม่ได้  กินอาหารไม่ได้เนื่องจากมีตุ่มขึ้นในปาก โรคนี้ติดต่อง่าย โดยเฉพาะช่วงสัปดาห์แรกของการป่วย โดยเชื้อไวรัสติดมากับมือหรือของเล่นที่เปื้อนน้ำลาย น้ำมูก น้ำจากตุ่มพองและแผล หรืออุจจาระของผู้ป่วย อาการจะทุเลาและหายเป็นปกติภายใน 7-10 วัน ปกติโรคนี้มักไม่รุนแรง  บางรายอาจมีอาการรุนแรงได้  จึงควรดูเด็กอย่างใกล้ชิด หากพบมีไข้สูง ซึม ไม่กินอาหาร อาเจียน หอบ แขนขาอ่อนแรง ต้องรีบพาไปโรงพยาบาลทันที เนื่องจากอาจเกิดโรคแทรกซ้อน เช่นสมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ น้ำท่วมปอด ถึงขั้นเสียชีวิตได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น